บทความ

ทำความรู้จัก 5 ปัญหาสุขภาพจิตคุกคามชีวิตวัยทำงาน ว่าตัวเรานั้น เข้าข่ายหมดไฟในการทำงานไหมนะ

สวัสดีวันจันทร์ ทำงานที่เรารักกันเถอะ แต่เอ๊ะ! ไม่อยากลุกจากเตียงไปทำงานเลย กำลังประสบภาวะเหล่านี้อยู่หรือเปล่า ทำความรู้จัก 5 ปัญหาสุขภาพจิตคุกคามชีวิตวัยทำงาน ว่าตัวเรานั้น เข้าข่ายหมดไฟในการทำงานไหมนะ  1. เครียดสะสมการใช้ชีวิตบนความตึงเครียด ความกดดัน และมีความคาดหวังสูง 5-6 วันต่อสัปดาห์ มักเป็นสาเหตุของอาการเครียดสะสม หนึ่งในปัญหาสุขภาพจิตที่หลายคนเป็นแต่ไม่รู้ตัว เรียกได้ว่ารู้ตัวอีกทีก็อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานและคนรอบข้างไปแล้ว สังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทั้งด้านอารมณ์และการใช้ชีวิต เช่น นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก นิ่งเงียบ เบื่อหน่ายชีวิต เศร้าหมอง ความต้องการทางเพศลดลง เป็นต้น ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจกลายเป็นภาวะอันตรายที่นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางกายตามมาได้ ทั้งหัวใจ ความดันโลหิต ไมเกรน เครียดลงกระเพาะ และอื่นๆ ได้   2. ภาวะหมดไฟในการทำงานเรียกได้ว่าเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่กำลังมาแรงในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ คือภาวะการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจอันมีที่มาจากความเครียดสะสม โดยสาเหตุมักเกิดจากความเครียดเรื้อรังในการทำงาน ภาระงานที่หนักซับซ้อนเกินกว่าที่จะรับผิดชอบได้ไหว บั่นทอนจิตใจ จนกลายสภาพเป็นความหมดไฟในที่สุด ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ส่งผลให้มุมมองที่มีต่อการทำงานเป็นไปในด้านลบ ขาดความสุข หมดแรงจูงใจไม่อยากไปออฟฟิต และอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลง ซึ่งหากปล่อยให้นานอาจมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าได้  3. ภาวะความพึงพอใจในตนเองต่ำ ปัญหาสุขภาพจิตที่ชาวออฟฟิศหลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญภาวะนี้อยู่ คือ ความรู้สึกเศร้าใจ ไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจทำลงไป รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า สูญเสียความรู้สึกให้เกียรติตัวเอง แบกรับปัญหาและกล่าวโทษว่ามีต้นเหตุมาจากตัวเองไม่ดีพอ ตีความเหตุการณ์ต่างๆ ในแง่ลบเสมอ เป็นภาวะเสี่ยงมากที่จะก้าวข้ามสู่โรคซึมเศร้า สัญญาณเตือนที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับผู้กำลังเผชิญวิกฤติ ภาวะความพึงพอใจในตนเองต่ำ คือความอ่อนไหวไปกับเรื่องเล็กน้อยได้ง่าย วิตกกังวล ไปจนถึงกลัวการเข้าสังคม เพราะกลัวที่ต้องถูกปฏิเสธ ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าปฏิเสธคำขอของผู้อื่นเนื่องจากกลัวไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาในตนเองที่สะสมมาเป็นเวลานาน  4. โรคซึมเศร้า เป็นการเจ็บป่วยอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับโรคทางกายชนิดอื่นๆ การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้มีความหมายว่าเป็นคนอ่อนแอ หรือไร้ความสามารถ แต่เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ที่มีผลกระทบโดยรวมต่ออารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม      ไปจนถึงสุขภาพกาย ปัจจัยเสี่ยงที่มาพร้อมความเครียดจากการทำงาน ความกดดันจากการทำงาน สภาพสังคม และสิ่งแวดล้อม ล้วนมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า 5. กลุ่มโรควิตกกังวลและแพนิคเป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติที่คอยควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานผิดปกติ รวมถึงมีความเครียดและความกดดันเข้ามาเป็นตัวกระตุ้น มักแสดงอาการได้หลายอย่างร่วมกัน เช่น หัวใจเต้นแรง ใจสั่น เหงื่อออกมาก หายใจหอบ อาเจียน วิงเวียนแบบฉับพลัน ตัวชา ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปจนถึงการหวาดกลัวสิ่งรอบตัวจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพจิตที่คุกคามชีวิตของคนวัยทำงานไม่มากก็น้อย ปัญหาสุขภาพจิตเป็นปัญหาที่สามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกอาชีพ และทุกวัย ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยพบเจอกับความเครียดจนสะสมเป็นปัญหาสุขภาพจิต โดยเฉพาะวัยทำงานอย่างมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลาย หมั่นสังเกตตัวเองว่ามีปัญหาเหล่านี้    หรือไม่หากพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ หรือกำลังประสบปัญหาด้านสุขภาพจิต สามารถติดต่อปรึกษาจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ #สายด่วน1323  ที่มา : ศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต  รูปภาพจาก : ทีมสร้างความรอบรู้ พลเมืองสุขภาพจิตดี ศูนย์สุขภาพจิตที่ 7 เว็บไซต์ : https://mhc7.dmh.go.th/13/05/2024/17974/

โรคฉี่หนู ภัยร้าย น้ำท่วมขัง

🔹 โรคฉี่หนู เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย 😈 ที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อและปล่อยเชื้อออกมากับปัสสาวะของมัน และยังแฝงอยู่ในจุดที่น้ำท่วมขังตามดิน โคลน แอ่งน้ำ หรือ พืชผัก  โดยเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังตามรอยแผล รอยขีดข่วน หรือ เยื่อบุของ👄ปาก 👀ตา 👃จมูกได้ 📍 นอกจากหนูที่พาหะหลักแล้ว ยังมีพาหะรอง อย่าง 🦮 หมา 🐄 วัว และ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อื่นๆ อีกด้วย 📑 ระยะการฟักตัวของเชื้อโรค โดยเฉลี่ยแล้ว ประมาณ 10 วัน หรือ อยู่ในช่วง 4 - 19 วัน ค่ะ 📑 วิธีสักเกตอาการผู้ป่วยโรคฉี่หนู 🔹 ไข้สูงฉับพลัน ปวดศรีษะ 🔹 ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะ บริเวณน่อง โคนขา หรือปวดหลัง 🔹 มีจุดเลือดออกตามผัวหนัง 🔹 ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึม สับสน 🔹 ไอมีเลือดปน ❗หากมีอาหารเหล่านี้ ❝อย่าซื้อยา❞ กินยาเอง ให้รีบพบแพทย์โดยด่วนที่สุด และแจ้งประวัติเสี่ยงให้แพทย์ทราบ เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ⚠️ วิธีป้องกัน 🔹 1. ส่วมรองเท้าบูทยาง เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลสัมผัสน้ำ 🔹 2. หลีกเลี่ยงการลุยน้ำ ลุยโคลน 🔹 3. รีบล้างเท้า หรือ อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายโดยเร็ว ที่มาจาก : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ เว็บไซต์จาก : https://multimedia.anamai.moph.go.th/

Let’s get ดีไซน์…สุขภาพ 👨‍🦳 ในวันสูงวัยกันเถอะ 💞

📑 การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อาจส่งกระทบต่อโครงสร้างประชากร โดย เฉพาะด้านสุขภาพ แต่ไม่ว่าเรากำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือไม่ เราก็ยังควร “ดูแลสุขภาพให้ดีในทุกวัน” ผ่านการเตรียมความพร้อมด้วยการดูแลสุขภาพตนเอง                    เพื่อเป็นผู้สูงวัยที่มีอายุยืนยาวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งวิธีทำให้ร่างกายแข็งแรงสดใสอยู่เสมอ มีดังนี้🔸 อาหาร✅ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นย่อยง่ายและสะอาด ควรหลีกเลี่ยง อาหารที่มีไขมันสูง หวานจัด เค็มจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์🔸 ออกกำลังกาย✅ ควรออกกำลังกายให้ครบทุกส่วน กระตุ้นจังหวะการเต้นหัวใจ อย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม ซึ่งมีหลายวิธี เช่น ยืดเส้น ยืดสาย ยืดเหยียดจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และ เดินเร็ว ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก จำพวกความเร็วสูง เกร็ง เบ่ง ยกน้ำหนัก หรืออยู่ในสถานที่ร้อนอบอ้าว อากาศไม่ถ่ายเท และอยู่กลางแดดจ้า🔸 อารมณ์✅ ยิ่งรื่นเริงยิ่งดี มีชีวิตที่สดใสด้วยรอยยิ้ม ฝึกมองโลกในแง่บวก ลดความเครียด จะช่วยให้มีจิตใจที่สดใสร่าเริงได้ แถมยังส่งผลให้เรามีสติและเหตุผลในการให้คำปรึกษาแก่ลูกหลานและคนรอบข้างได้อีกด้วย🔸 งานอดิเรก✅ หมั่นหากิจกรรมที่ชอบ ทำแล้วเพลิดเพลิน สร้างคุณค่าทางจิตใจ เช่น อ่านหนังสือธรรมมะ ฟังเทศน์ ฟังธรรม พบปะสังสรรค์ ฟังเพลง ปลูกต้นไม้🔸 อนามัยดี✅ หมั่นตรวจและรักษาสุขภาพ ปฏิบัติตนให้ถูกสุขลักษณะ ควรตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน งด ละ เลิก บุหรี่ แอลกอฮอล์ และสารเสพติดที่มาจาก : กรมอนามัยรูปภาพ : จากกองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพเว็บไซค์จาก : https://multimedia.anamai.moph.go.th/

วิธีการรับมือน้ำท่วม อย่างปลอดภัย ในช่วงฤดูฝน ด้วย 10 วิธีพื้นฐาน ดังนี้

❛ติดตามข่าวสาร❜ สถานการณ์น้ำท่วม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ❛ยกสิ่งของ❜ ขึ้นชั้นบน หรือ ที่สูง ❛รู้หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน❜ ของหน่วยงานท้องถิ่น เรียนรู้ ❛เส้นทางอพยพ❜ ไปที่ปลอดภัยและใกล้บ้านที่สุด เตรียมโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ทำอาหาร อาหารแห้ง น้ำดื่มสะอาด ❛ยารักษาโรคและอุปกรณ์สิ่งจำเป็นต่าง ๆ ให้พร้อม❜ หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควรเตรีนม ❛กระสอบทราย เพื่อใช้อุดปิดช่องทาง❜ ที่น้ำจะไหลเข้าบ้าน นำรถยนต์และพาหนะไป ❛จอดไว้ในพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง❜ ❛ควรปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า❜ เตาแก๊ส ยกเบรกเกอร์ ปิดบ้านให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน เขียนหรือระบุที่ฟิวส์ หรือ เบรกเกอร์ ว่า ❛ตัวใดควบคุมการใช้ไฟฟ้าจุดใด❜ ในบ้าน หากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน❛ไม่ควรขับรถฝ่าทางน้ำหลาก❜ ให้ออกจากรถและไปอยู่ในที่สูงทันที เสริมด้วย ข้อควรใส่ใจเพิ่มเติม ในการดูแลเด็กเล็ก  สำหรับครอบที่มีเด็กเล็กอาศัยอยู่ “สอนให้เด็กรู้จักป้องกันตนเอง” เช่น ขณะน้ำท่วมต้องไม่สัมผัสปลัํกไฟ หรือ ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า “งดเล่นน้ำ” หรืออยู่ใกล้บ้านทางน้ำหลาก “ศึกษาแผนฉุกเฉิน” ของพื้นที่ข้อมูลโดย : กองอนามัยฉุกเฉิน กรมอนามัยเว็บไซค์จาก : https://multimedia.anamai.moph.go.th/infographics/info748_flood_22/

ฤดูเปลี่ยน ไม่เสี่ยงป่วย คืนความสมดุลให้ร่างกายรับหน้าฝน

ฤดูเปลี่ยน ไม่เสี่ยงป่วย คืนความสมดุลให้ร่างกายรับหน้าฝน ช่วงเปลี่ยนฤดูฝนตกชุก อากาศชื้น อาจทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย เราจึงควรดูแลสุขภาพให้ดี โดยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงต้อนรับฤดูฝน แบบไม่ต้องกลัวป่วย เตรียมตัวให้พร้อม สุขภาพแข็งแรงตลอด ที่มา : กรมอนามัยแชร์ลิงค์ : https://multimedia.anamai.moph.go.th/infographics/info752_rainy_5_0/

ผู้สูงอายุยุคใหม่ สุขภาพดีอัพเกรดได้

ในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยเข้าใกล้ยุคสังคมสูงวัยมากขึ้นทุกที โดยจำนวนผู้สูงอายุในไทยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป อยู่ที่ประมาณ 9,800,000 คน แบ่งเป็น ชาย 4,300,000 คน และ หญิง 5,500,000 คน  โดยค่าเฉลี่ยสุขภาพของผู้สูงอายุ ที่ทำการประเมินสุขภาพ ข้อมูลอ้างอิงจาก แอพพลิเคชั่น สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ (Blue Book Application) ดังนี้   - ค่า ❝ดัชนีมวลกาย (BMI)❞ จากผู้เข้าประเมิน 123,362 คน ของปี 67 จนถึงปัจจุบัน โดนอันดับ 1 คือ ค่าปกติอยู่ที่ 53,833 คน อันดับ 2 คือ ภาวะโรคอ้วน 26,350 คน อันดับ 3 คือ น้ำหนักเกิน 24,161 คน (ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว ÷ (ส่วนสูง x ส่วนสูง หน่วยเป็นเมตร) ถ้ามากกว่า 22.9 คือ เกินมาตรฐาน)   - ค่า ❝น้ำตาลในเลือด❞ จากผู้เข้าประเมิน 49,481 คน ของปี 67 จนถึงปัจจุบัน โดนอันดับ 1 คือ ปกติ อยู่ที่ 33,892 คน อันดับ 2 คือ เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน อยู่ที่ 10,768 คน และ อันดับ 3 คือ เป็นโรคเบาหวาน อยู่ที่ 4,821 คน   - ค่า ❝ความดันโลหิต❞ จากผู้เ้ข้าประเมิน 80,330 คน ของปี 67 จนถึงปัจจุบัน โดยอันดับ 1 คือ ปกติ อยู่ที่ 51,284 คน อันดับ 2 คือ สูงกว่าปกติ 16,407 คน และอันดับ 3 คือ สูงกว่าปกติระดับที่ 1 อยู่ที่ 10,341 คน     จาก 3 เรื่องการประเมินโดยเฉลี่ยของผู้สูงอายุยุคใหม่ที่ใช้ แอปพลิเคชัน สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ (ฺBlue Book Application) จะเห็นได้ว่า ค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่สุขภาพปกติดี และผู้สูงอายุทุกท่าน แข็งแรงได้ หากวางแผนดูแลสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำ 7 WEEKS FIT AT HOME ควบคู่ไปกับ Blue Book Application หรือ เพียงแค่ ลดหวาน มัน เค็ม กินอาหารครบ 5 หมู่  ผัก-ผลไม้ 5 สี ในแต่ละมื้อแบ่งสัดส่วนการกินที่เหมาะสม  ผัก 2 : เนื้อ/ไข่ 1 : ข้าว/แป้ง 1 เสริมด้วยการออกกำลังตามความเหมาะสมของร่างกาย (ปรึกษาแพทย์ก่อนได้) เพียงสัปดาห์ละ 5 ครั้ง ๆ ละ 30 นาที ผู้สูงอายุทุกท่านก็เป็น ผู้สูงอายุยุคใหม่สุขภาพดีได้ มาอัพเกรดสุขภาพกันเยอะ ๆ นะคะที่มา : กรมอนามัย ภาพ (กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ)แชร์ลิงค์ https://multimedia.anamai.moph.go.th/

เช็ก 14 สัญญาณเตือน จาก ภาวะเครียด

 ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ การแข่งขัน และความไม่แน่นอน หลายคนเผชิญกับภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัว ความเครียดส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ หากปล่อยไว้เรื้อรังอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ จนทำให้บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเกิดภาวะความเครียดสะสม ลองมาเช็คสัญญาณเตือนจากร่างกายว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อตึง ปวดบริเวณคอหรือหลัง ปวดท้อง ปากแห้ง เจ็บหรือแน่นหน้าอก หัวใจเต้นเร็วขึ้น นอนหลับยาก หลับไม่สนิท เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือกินจุในเมนูที่ชอบ อ่อนแอลง เป็นหวัดง่ายขึ้น ขาดความจดจ่อ สมาธิลดลง ความจำแย่ลง สะเพร่า หลงลืม กระวนกระวาย หงุดหงิดง่าย ใจร้อน โกรธง่าย วิตกกังวล                          ทั้งนี้ หากพบว่าตัวเองมีสัญญาณเตือนจากร่างกาย ที่เข้าข่ายภาวะเครียดสะสม อย่าละเลย ควรหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด เช่น การนอนพัก การทำงานอดิเรก เล่นกีฬาที่ชอบ นวดผ่อนคลาย ฝึกหายใจเข้าออกช้า ๆ หากไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต   แชร์ลิงก์ https://www.thaihealth.or.th/?p=361819

 สกัด-สะกด-สะกิด หลัก 3ส. จำง่าย ๆ ใช้ป้องการความอ้วน

 สกัด-สะกด-สะกิด หลัก 3ส. จำง่าย ๆ ใช้ป้องการความอ้วน                     สกัด   เมื่อคิดลดความอ้วนแล้วต้อง “เด็ดเดี่ยว” ไม่พาตัวเองไปในสถานที่ที่กระตุ้นอยากให้อยากกิน เรื่องนี้อาจดูยาก แต่ถ้ามุ่งมั่นแล้วต้องพยายามอยู่ให้ห่างจากสถานที่ซึ่งอบอวลด้วยกลิ่นอาหาร เพราะนั้นคือกับดักความอ้วน เช่นเดียวกับเสียงที่เย้ายวนหลอกล่อให้อยากกิน เวลาที่เราไปเดินห้างสรรพสินค้าซึ่งหลอกล่อด้วยรูป รส กลิ่น เสียง ต้องพยายามเดินเลี่ยงเดินห่างหรือไม่หันไปมองทางร้านอาหาร ถ้าให้ดีจำเป็นจริงๆ ระยะแรกอาจไม่ไปเดินในชั้นที่ขายอาหารเหล่านั้น                     สะกด   หลายครั้งการลดความอ้วนต้องสะกดจิตใจไม่ให้เตลิดตามกลิ่นอาหาร ซึ่งทุกอย่างต้องถอยมาที่การตั้งสติ เมื่อมีสติแล้วเราจะรู้ว่าต้องหยุดเนื่องจากอะไร บางคนต้องหยุดเพราะอยากใส่เครื่องแบบให้ดูสมส่วนเหมือนเมื่อก่อนหรือการถูกเพื่อนล้อจนเป็นแรงผักดันให้ลดความอ้วน เพราะเมื่อเกิดสติปัญญาเหตุผลของแต่ละคนในการลดความอ้วนก็จะกลับมา                     สะกิด   ข้อนี้ต้องได้รับการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ในการสกิดไม่ให้กินขนมจุบจิบ ไม่ตุนขนมไว้ที่บ้าน แต่ต้องให้กำลังใจและการช่วยเหลือคนที่กำลังลดความอ้วน ซึ่งบางคนที่กำลังลดมีเคล็ดลับว่า ให้จับคู่ลดความอ้วนกับเพื่อนเพื่อให้คอยเตือนกันเวลาจะออกนอกกฏ หรือเข้าไปบอกผู้ใหญ่หรือคนที่เคารพว่าจะลดความอ้วน เสมือนเป็นการปฏิญานตนเอง เพราะถ้าหากลดไม่ได้จะเสียคำพูด     ที่มา: หนังสือชีวิตใหม่ไร้พุง : How to สลายน้ำหนักด้วยหลัก 3อ. จากศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แชร์ลิงก์ https://www.thaihealth.or.th/?p=370260

8 วิธีเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมอย่างปลอดภัย

ช่วงฤดูฝน หลายพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม การเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ติดตามข่าวสาร สถานการณ์น้ำท่วม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควรเตรียม กระสอบทราย เพื่อใช้อุดปิดทางที่น้ำจะไหลเข้าบ้าน เตรียมยกของขึ้นชั้นบนหรือที่สูง ให้พ้นจากระดับน้ำท่วม เรียนรู้เส้นทางการอพยพ ไปที่ปลอดภัยในพื้นที่ รู้หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน ของหน่วยงานท้องถิ่น เตรียมอุปกรณ์สิ่งจำเป็นต่างๆ ให้พร้อม เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ทำอาหาร อาหารแห้ง น้ำดื่มสะอาด ยารักษาโรค เป็นต้น ควรปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เตาแก๊ส ยกเบรกเกอร์ ปิดบ้านให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน เขียนหรือระบุที่ฟิวส์หรือเบรกเกอร์ว่า ตัวใดควบคุมการใช้ไฟฟ้าจุดใดในบ้าน สิ่งที่ต้องระวัง งดเล่นน้ำ หรืออยู่ใกล้ทางน้ำหลาก ห้ามขับรถเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมหรือบริเวณที่มีน้ำหลาก ให้ออกจากรถและไปอยู่ที่สูงทันที สอนให้เด็กเล็กรู้จักป้องกันตนเอง เช่น ขณะน้ำท่วม ไม่สัมผัสปลั๊กไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ศึกษาแผนฉุกเฉินของพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อม ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่  https://www.thaihealth.or.th/8-วิธีเตรียมความพร้อมรับ/?fbclid=IwY2xjawFF_1NleHRuA2FlbQIxMAABHSXgOYFHT5NSE1eXodNBQzLjmxul0KSikc_ntPGyBYTE-7FcPBZU9zKP3w_aem_bugquhVJGytK1Wod0HbP2A

งูแมวเซา ที่สุดแห่งงูอันตราย!!

งูแมวเซา เป็นงูพิษชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Daboia siamensis ในวงศ์ Viperidae ลักษณะ เป็นงูที่มีรูปร่างอ้วนป้อม ลำตัวสั้น หางสั้น เวลาตกใจหรือถูกรบกวนมักขดตัวเตรียมสู้และระวังตัว พร้อมทั้งทำเสียงขู่คล้ายแมวหรือเสียงของยางรถยนต์รั่ว โดยการสูบลมเข้าไปในตัวจนตัวพอง แล้วพ่นลมออกมาทางรูจมูกแรง ๆ แทนที่จะเลื้อยหนี เป็นงูที่ฉกกัดได้รวดเร็วแทบไม่ทันตั้งตัวทั้ง ๆ ที่ขดตัวอยู่ในลักษณะปกติ ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อนอมเทา มีเกล็ดสีชมพูแซมบริเวณสีข้าง มีลายลักษณะทรงกลมสีน้ำตาลเข้มตลอดทั้งตัว เกล็ดมีขนาดเล็กและมีสัน หัวเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมและมีลายดำคล้ายลูกธนู มีเกล็ดเล็กละเอียดบนหัว เขี้ยวพิษมีความยาว เป็นงูที่มีพิษต่อผลการแข็งตัวของเลือด Factor X และ Factor V โดยตรง โดยจะไปกระตุ้น prothrombin เป็น thrombin ซึ่งทำให้เกิดการสลายไฟบริโนเจนเป็นไฟบรินในกระแสเลือด จึงทำให้เกิดเลือดออกง่าย เนื่องจากองค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือด ถูกใช้หมดไป นอกจากนี้แล้วพิษของงูแมวเซายังมีผลต่อไต ทำให้เกิดอาการไตวายได้ และยังมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงโดยตรง[5] โดยอาการของผู้ที่ถูกกัดจะแสดงออกดังนี้ คือ มีอาการปวดและมีอาการบวมมาก อาการบวมเกิดเกิดขึ้นได้ภายใน 2–3 นาทีภายหลังถูกกัด มักจะมีรอยเขี้ยว 2 จุดซึ่งมีเลือดไหลออกตลอดเวลา และบริเวณรอบแผลจะมีสีคล้ำบริเวณโดยรอบเขี้ยวจะบวมอย่างชัดเจนภายใน 15-20 นาที และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งบริเวณที่ถูกกัดบวมหมดภายในเวลา 12–24 ชั่วโมง และอาจเริ่มพองและมีเลือดออก ผู้ที่ได้รับพิษมากจะมีอาการของเลือดออกง่ายภายในเวลา 2–3 ชั่วโมง เช่น เลือดออกเป็นจ้ำ ๆ บริเวณผิวหนัง เลือดออกตามไรฟัน ไอมีเสมหะปนเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด เลือดออกจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งความดันโลหิตต่ำ ไตวายและเสียชีวิตลงในที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่  https://th.wikipedia.org/wiki/งูแมวเซา   Cr. วิกิพีเดีย

ไข้เลือดออก (Dengue Fever)

โรคไข้เลือดออกเดงกี เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกีที่มียุงลายเป็นแมลงนำโรค โรคนี้ได้กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขในหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากโรคได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางและจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมากใน 30 ปีที่ผ่านมา มากกว่า 100 ประเทศที่โรคนี้กลายเป็นโรคประจำถิ่น และโรคนี้ยังคุกคามต่อสุขภาพของประชากรโลกมากกว่าร้อยละ 40 (2,500 ล้านคน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะพบมากในประเทศเขตร้อนและเขตอบอุ่น โรคไข้เลือดออกเดงกีติดต่อกันได้โดยมียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นแมลงนำโรคที่สำคัญ และในชนบทบางพื้นที่ จะมียุงลายสวน (Aedes albopictus) เป็นแมลงนำโรคร่วมกับยุงลายบ้าน เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้ ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย พร้อมที่จะเข้าสู่คนที่ถูกกัดต่อไป เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสเดงกีไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนนั้นป่วยได้ ทั้งนี้สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)

ลักษณะโรค เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยมีลักษณะทางคลินิกที่สำคัญคือ มีไข้สูงแบบทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สำคัญที่สุดโรคหนึ่งในกลุ่มโรคติดเชื้ออุบัติใหม่และโรคติดเชื้ออุบัติซ้ำ เนื่องจากเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก (pandemic) มาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางเกือบทุกทวีป ทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตนับล้านคน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข